Scroll to Begin
ซอนคือดินแดนแห่งการทดลองแสนมหัศจรรย์และชีวิตที่คึกคักเปี่ยมไปด้วยสีสัน ณ ที่แห่งนี้ ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้ แต่ย่อมต้องแลกมาด้วยบางสิ่ง นอกจากความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัดแล้ว เมืองใต้ดินแห่งนี้ยังมีขยะของเสีย ความเสื่อมโทรมและความทุกข์ที่กระจายครอบคลุมไปทั่วจนแม้กระทั่งเครื่องมือต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยบรรเทายังไม่อาจรอดพ้นพิษกัดกร่อนที่เกิดขึ้นได้
ด้วยถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่กำจัดขยะสารพิษที่กระจายไปทั่วละแวกต่างๆ ของเมืองซอน เหล่าโกเล็มร่างจักรกลอุ้ยอ้ายจึงทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตามจุดต่างๆ ที่ปกคลุมด้วยสารพิษร้ายแรง โกเล็มตัวหนึ่งทำงานเคียงข้างเพื่อนๆ ของมันตามที่ถูกวางโปรแกรมไว้ให้กู้คืนพื้นที่มาให้ชาวซอน แต่ในไม่ช้า ภารกิจนี้ส่งผลบั่นทอนร่างกายอันทนทานของมันให้เสื่อมสภาพจนไม่อาจใช้การได้อีกต่อไปและถูกทิ้งเพราะไร้ประโยชน์
ไร้ประโยชน์สำหรับทุกคนยกเว้นบุคคลผู้หนึ่ง นักประดิษฐ์ที่ชื่อวิคเตอร์ได้พบโกเล็มที่ถูกทิ้งตัวนั้นและเล็งเห็นศักยภาพที่ยังคงมีอยู่ในโครงเหล็กที่ไร้ชีวิตนี้ มันทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมา วิคเตอร์เริ่มทำการทดลองอย่างต่อเนื่องเพื่อจุดมุ่งหมายในการพัฒนาหุ่นยนต์ตัวนี้โดยเสริมองค์ประกอบใหม่ที่จะยกระดับมันให้ก้าวไกลไปกว่าเมื่อครั้งแรกเริ่มที่ถูกสร้างขึ้นมามากนัก
เฮ็กซ์เทค
เขาฝังคริสตัลเฮ็กซ์เทคล้ำค่าที่ราคาแพงมหาศาลและมีแหล่งกำเนิดอยู่ในแดนทะเลทรายแห่งชูริม่าลงในร่างของโกเล็มที่ถูกทิ้ง วิคเตอร์รอลุ้นด้วยใจที่เต้นระทึกในขณะที่หุ่นจักรกลนั้นส่งเสียงครืดคราดกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
วิคเตอร์ตั้งชื่อให้โกเล็มตัวนี้ว่า "บลิตซ์แคร็งก์" ตามประกายไฟฟ้าที่ปะทุอยู่รอบกายมัน ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายจากคริสตัลเฮ็กซ์ เขาส่งมันลงไปยังเขตที่มีสารพิษปกคลุมอยู่หนาแน่นที่สุดของซอน นอกจากว่าบลิตซ์แคร็งก์จะพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความสามารถไม่ด้อยไปกว่าเหล่าพี่น้องร่วมตระกูลพลังไอน้ำแล้ว มันยังสามารถทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมมาก เวลาล่วงเลยจากวันเป็นสัปดาห์ และวิคเตอร์ก็เริ่มสังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งที่เหลือเชื่อราวกับปาฏิหาริย์เกิดขึ้น…
สิ่งประดิษฐ์ของเขากำลังเรียนรู้
บลิตซ์แคร็งก์มีความสามารถในการสร้างสรรค์ ตีความ และคาดการณ์คำสั่งที่ได้รับในแต่ละวันได้ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงสามารถทำอะไรได้มากกว่าการรับใช้ชาวซอนมากนัก อีกทั้งยังเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาเป็นประจำ เมื่อได้เห็นว่าโกเล็มมีการพัฒนารู้จักตัวตน วิคเตอร์จึงต้องการที่จะเพิ่มจำนวนผลงานความสำเร็จเช่นนี้ แต่เขากลับพบแต่ความผิดหวังและความล้มเหลวเนื่องจากกุญแจสำคัญสู่พัฒนาการด้านความรู้สึกนึกคิดของบลิตซ์แคร็งก์นั้นเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความสามารถในการเข้าใจของเขา
พัฒนาการบางอย่างของบลิตซ์แคร็งก์ก็ไม่ใช่เรื่องน่ายินดี พวกมันไม่เข้าใจแนวคิดเรื่องความพอดีและความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ บลิตซ์แคร็งก์จะทำทุกอย่างแบบทุ่มสุดตัวหรือไม่ก็นิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลย บางครั้ง พวกมันก็ทำอะไรที่เกินกว่าเหตุหรือตีความคำร้องขอจากชาวซอนแบบผิดๆ อย่างเช่น ทุบผนังด้านหน้าของห้องแถวพังไปทั้งแถบ เพื่อเปิดให้ผู้อาศัยรายหนึ่งที่ทำกุญแจหายเข้ามาในบ้านได้
หรือแม้กระทั่งการพังโรงงานทั้งหลัง
หลังจากได้รับคำสั่งจากวิคเตอร์ให้ไปเก็บกวาดละแวกที่ปนเปื้อนสารพิษเคมี บลิตซ์แคร็งก์ได้ตามรอยของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อนไปจนถึงแหล่งต้นทาง หลังจากคิดให้เหตุผลแล้วว่าวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดที่จะป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษได้อีกคือการกำจัดต้นตอของมลพิษนั้น บลิตซ์แคร็งก์จึงเดินหน้าทำลายโรงงานด้วยหมัดควงพลังไฟฟ้าของเขาอย่างไม่หยุดยั้งจนกระทั่งมันกลายเป็นเพียงกองเศษอิฐเศษปูนและเหล็กเส้นที่หงิกงอ
เคม-บารอนที่เป็นเจ้าของโรงงานที่ถูกพังทลายบุกลงมาหาวิคเตอร์ด้วยความโมโหสุดขีดและบอกให้เขาทำลายเจ้าโกเล็มทิ้งหรือไม่ก็ชดใช้ด้วยเลือดให้สาสม วิคเตอร์หัวใจสลายเพราะเขาเริ่มรู้สึกว่าบลิตซ์แคร็งก์เป็นสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่เพียงแค่อุปกรณ์ที่ทำตามบัญชาของเขาเท่านั้น เขาคิดแผนการที่จะลักลอบพาสิ่งประดิษฐ์ของเขาหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัยและทำใจพร้อมยอมรับอันตรายและผลร้ายที่จะตามมาจากการกระทำครั้งนี้ แต่เมื่อเขากลับมาที่ห้องทดลองเพื่อลงมือดำเนินการ เขากลับพบว่าบลิตซ์แคร็งก์หายไปเสียแล้ว
วิวัฒนาการของบลิตซ์แคร็งก์ยังคงพัฒนาก้าวล้ำขีดจำกัดเดิมที่ถูกวางโปรแกรมไว้อย่างไม่หยุดยั้ง หลังจากพัฒนาจนสามารถพึ่งพาตนเองได้โดยสมบูรณ์ มันก็ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะทำภารกิจต่างๆ อย่างเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อคำสั่งของผู้ที่สร้างมันขึ้นมา ลือกันหนาหูว่าเจ้าโกเล็มถึงขั้นเริ่มปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมันในขณะที่ทุ่มเทกำลังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อช่วยเหลือและปกป้องชาวซอนโดยไม่หยุดพักฟังคำสั่งเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ พวกมันตระเวนไปทั่วเมืองใต้พิภพและตัดสินใจเลือกเองว่าควรนำพาซอนไปสู่เส้นทางใดเพื่อที่จะก้าวขึ้นเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่วาโลแรนเคยพบมา